ข้อมูลนักเตะ

เส้นทางฟุตบอล

ทุกคนในครอบครัว “กรีลิช” นั่นมี ทีมแอสตัน วิลล่า เป็นสโมสรในดวงใจกันทุกคน และทำให้เจ้าหนู แจ็ค กรีลิช เป็นสาวกสิงห์ผยองไปโดยปริยาย และได้รับโอกาสเข้าสู่อคาเดมี่ของ แอสตัน วิลล่า ตั้งแต่วัยเพียงแค่ 6 ขวบ
และเมื่อได้เข้าสู่อคาเดมี่ แจ็ค กรีลิชค่อยๆพัฒนาฝีเท้า และยกระดับฝีเท้าขึ้นมาตามรุ่นอายุอย่างต่อเนื่อง จนได้มีชื่อในเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกด้วยอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยเป็นตัวสำรองในเกมที่แพ้ทีม เชลซี 2-4 เมื่อเดือนมีนาคม 2012 แต่ไม่ได้ลงสนาม

และต่อมาแจ็ค กรีลิชมีผลงานโดดเด่นกับทีมเยาวชน ในรายการ NextGen Series ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ลูกหนังรุ่นU-19 ที่มีสโมสรดังจากทั่วยุโรป 24 ทีม มาร่วมกันฟาดแข้งแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้, สเปอร์ส, เชลซี, บาร์เซโลน่า, ดอร์ทมุนด์, ยูเวนตุส, เปแอสเช, อินเตอร์ มิลาน ฯลฯ ซึ่ง แจ็ค กรีลิช ช่วยให้ ทีมแอสตัน วิลล่า ผงาดครองแชมป์ได้อย่างเซอร์ไพรส์ในฤดูกาล 2012-2013

และเมื่อฝีเท้าเริ่มแกร่งกล้าในระดับหนึ่งแล้ว  ทางสโมสร แอสตัน วิลล่าปล่อยให้แจ็ค กรีลิช ไปเสริมกระดูกกับ นอตต์ เคาน์ตี้ ทีมในระดับลีกวัน ด้วยสัญญายืมตัว ในฤดูกาล 2013-2014 โดย แจ็ค กรีลิช ได้ลงเล่นถึง 37 นัด ยิงได้ 5 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ไม่เลวเลยสำหรับแข้งนักเตะดาวรุ่งวัย 19 ปีอย่างเขา

และหลังกลับมาจาก ทีมน็อตต์ เคาน์ตี้  แจ็ค  กรีลิชได้ลงสนามให้กับ ทีม แอสตัน วิลล่า อยู่เป็นระยะ แต่ยังไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมมากนัก จนกระทั่งในฤดูกาล 2016-2017 ทีม แอสตัน วิลล่าตกชั้นลงไปเล่นลีกแชมเปี้ยนชิพ ทำให้สโมสรต้องปล่อยผู้เล่นซีเนียร์ออกจากทีมหลายรายเพื่อลดค่าใช้จ่ายของทีม นั่นเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ดาวรุ่งอย่าง แจ็ค  กรีลิช ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ จนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีม แอสตัน วิลล่า ในเวลาต่อมา

ทีม แอสตัน วิลล่า อยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพ 3 ฤดูกาล และในที่สุด แจ็ค กรีลิช สามารถนำทัพพาทีม แอสตัน วิลล่า กลับขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ในซีซั่น 2019-2020 และแจ็ค  กรีลิช ก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของทีม โดยทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอและช่วยให้แอสตัน วิลล่ารอดตกชั้นได้สำเร็จ และมีข่าวออกมาเป็นระยะว่า หลายสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างพร้อมทุ่มเงินเพื่อที่จะดึงตัว แจ็คกรีลิช ไปร่วมทีมตาเป็นมัน

แต่อย่างไรก็ตาม สโมสรอย่าง แอสตัน วิลลา ดูจะเล็กเกินไปแล้วสำหรับเขา และในที่สุด เดือนมิถุนายน 2021 ทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เศรษฐีแห่งพรีเมียร์ลีก ก็ทุ่มเงิน 100 ล้านปอนด์กระชากตัวแจ็ค กรีลิช ไปร่วมทีม พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะทีมีค่าตัวแพงที่สุดในลีกอังกฤษ ทำลายสถิติของ ปอล ป็อกบา ซึ่งย้ายจากทีมยูเวนตุส มายังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2016

ผลงานทีมชาติ

แจ็ค กรีลิช  เกิดที่เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ และมีเชื้อสายไอริชจากฝั่งคุณพ่อ นั่นทำให้เขาสามารถเลือกเล่นให้ได้ ทั้งทีมชาติอังกฤษ และทีมชาติไอร์แลนด์

ในระดับเยาวชน แจ็ค กรีลิช  ลงรับใช้ทีมชาติไอร์แลนด์ ไล่มาตั้งแต่ชุดU-17 U-18 และU-21 ซึ่ง มาร์ติน โอนีล กุนซือทีม “ยักษ์เขียว” ในเวลานั้น เล็งที่จะดัน แจ็ค กรีลิช  ให้ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่โดยเร็ว เพื่อกันท่าสมาคมฟุตบอลอังกฤษที่จับตาดูฟอร์มของ กรีลิช อย่างใกล้ชิดอยู่เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคม 2015 กุนซือมาร์ติน โอนีล เผยว่า แจ็ค กรีลิช  ปฏิเสธการถูกเรียกตัวติดทีมชาติไอร์แลนด์ชุดใหญ่ ซึ่งต่อมา กุนซือทีมชาติอังกฤษ รอย ฮอดจ์สัน ในเวลานั้นได้มีโอกาสพูดคุยกับ กรีลิช จนในที่สุด ดาวรุ่งจากแอสตัน วิลล่า ก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาสวมเสื้อทีมชาติอังกฤษ แทน

แจ็ค  กรีลิชเริ่มเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ในชุดU-21 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2016 ก่อนจะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ “ตูลง ทัวร์นาเมนต์ 2016” ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพ ฝรั่งเศส 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปีที่อังกฤษได้แชมป์รายการนี้ โดยนักเตะอังกฤษชุดนั้นที่กลายเป็นแข้งดังในเวลาต่อมา ได้แก่ จอร์แดน พิคฟอร์ด, ร็อบ โฮลดิ้ง, เจมส์ วอร์ด พราวส์, รูเบน ลอฟตัส ชีค, นาธาน เรดมอนด์ และเบน ชิลเวลล์

จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2020 แจ็ค กรีลิชมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ก่อนจะได้ลงประเดิมสนามให้กับทัพสิงโตคำราม อังกฤษ ในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ที่เสมอกับทีม เดนมาร์ก 0-0 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2020 และหลังจากนั้นแจ็ค กรีลิช ก็มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในขุนพลสิงโตคำราม อังกฤษ ชุดรองแชมป์ยูโร 2020

เกียรติประวัติ

แอสตัน วิลล่า

ทีมชาติอังกฤษ